สืบเนื่องมาจากปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นมาจนเกิดมลภาวะในประเทศไทย ดังนั้น การออกไปทำกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง หากเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากป้องกันฝุ่น โดยสามารถจำแนกประเภท และการใช้งานออกได้ตามรายละเอียด ดังนี้
1. หน้ากากอนามัยชนิด N95
เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีมาตรฐาน และได้รับการยอมรับว่า สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง หรือเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อป้องกันมลพิษ ฝุ่น PM 2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ
2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น
หรือที่เรียกกันว่า “หน้ากากอนามัยทางการแพทย์” เป็นหน้ากากอนามัยที่คนส่วนมากคุ้นเคยกันดี เพราะหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง เน้นในด้านการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอ หรือจาม จากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา
อย่างไรก็ตาม หากเป็นเชื้อไวรัสหรือฝุ่นละอองที่มีอนุภาคเล็กระดับไมครอน อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เหมาะสำหรับการใช้เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5
3. หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้าย
หน้ากากอนามัยชนิดนี้มีระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูก หรือน้ำลาย จากการไอ หรือจาม สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่เหมาะสำหรับใช้เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5
หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้ายมีข้อดี คือ ประหยัดกว่าการใช้หน้ากากอนามัยแบบอื่น เพราะสามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้
วิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง
1) หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก
2) ให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยในการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอยพับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละอองในรอยพับ ทำให้หายใจลำบาก
3) คล้องเชือกไว้กับหู โดยกดตรงส่วนเสริมความแข็งแรงให้แนบชิดกับสันจมูกมากที่สุด และดึงส่วนล่างมาปิดที่ค้าง
4) เปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน และไม่ควรใช้ร่วมกับผู้อื่น
ข้อมูล : Daikin, HonestDocs
ภาพ : Google Search, Workpoint News